ถ่ายรูปให้ดูโปรด้วย "กฎสามส่วน"
- Peeranat Deeluea

- 18 พ.ค. 2565
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 2 มิ.ย. 2566

หลายคนอาจจะมีปัญหาในการถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็น #ถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ให้สวยต้องทำยังไงดี #ถ่ายรูปมุมไหนถึงจะสวย และปัญหาอีกมากมายไม่รู้จบ เพราะไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาที่จุดไหนดี แต่ถ้าได้รู้จักกับเทคนิค “กฎสามส่วน” ปัญหาที่เจอในตอนนี้จะถูกแก้ได้ง่ายๆ เลย

กฎสามส่วนหรือ Rule of Third เป็นเทคนิคและวิธีการถ่ายรูปที่นิยมและง่ายมากๆ เอาไว้สำหรับการจัดวางองค์ประกอบของภาพ ทำให้ถ่ายรูปออกมาดูน่าดึงดูด มีเสน่ห์ และน่าสนใจ แม้แต่มือโปรที่ถ่ายรูปจนชำนาญแล้วก็ยังใช้เทคนิคนี้ แต่สำหรับมือใหม่ที่สงสัยว่า กฎสามส่วนคืออะไร หรืออยากลองและอยากรู้วิธีการถ่ายรูปด้วยกฎสามส่วนเราจะมาเล่าให้ฟัง

กฎสามส่วน (Rule of Third)


กฎสามส่วน คือ การที่เราวางตำแหน่งของวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของ ไว้ที่จุดตัดของเส้น 4 เส้น จุดตัดนี้จะเป็นจุดแรกๆที่เราจะมองในภาพ และเมื่อเรานำสิ่งที่สำคัญของภาพหรือสิ่งที่เราต้องการจะให้เด่นไปวางไว้ จะทำให้รูปนั้นน่ามองและน่าสนใจมากขึ้น

ซึ่งการแบ่งเส้นทั้งสี่เส้นนั้นง่ายมากๆ คือให้เราแบ่งแนวตั้งออกเป็นสามส่วน และแบ่งแนวนอนออกเป็นสามส่วนให้ หลังจากนั้นเราจะพบว่าจะเกิดช่องอยู่ 9 ช่อง และจะมีจุดตัดอยู่ 4 จุด ซึ่งเทคนิคนี้จะใช้ได้กับเฟรมขนาดเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เฉพาะเจาะจง

เราควรใช้กฎสามส่วนเวลาไหน?
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า ถ้าเรานำสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของไว้ที่จุดตัด จะทำให้สิ่งนั้นดูเด่นขึ้นมา ฉะนั้นเราจะสามารถใช้ได้กับทุกเวลาที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นถ่ายคน ถ่ายวิว ก็ได้เช่นกัน

ถ้าเราลองดูรูปของช่างภาพดังๆหลายท่าน เราก็จะพบว่ามีการว่างสิ่งสำคัญต่างๆไว้ในภาพตามจุดตัดของกฎสามส่วนอยู่ ตั้งแต่ภาพวาดในอดีต ภาพวาดดิจิทัล และรวมถึงรูปถ่าย ศิลปินทุกยุคทุกสมัยล้วนมีการใช้กฎสามส่วนเข้ามาช่วยให้รูปภาพของพวกเขาให้ดูน่าสนใจมากขึ้นทุกครั้ง

กฎสามส่วนต้องวางวัตถุไว้ที่จุดตัดทุกครั้งไหม?
กฎของศิลปะไม่มีความตายตัว และบางครั้งเองกฎหรือทฤษฎีก็ดัดแปลงได้ การวางวัตถุไว้ที่จุดตัดไม่ใช่ตัวเลือกเดียวที่มีในการถ่ายภาพให้สวยงาม เรายังมีเทคนิคอื่นๆอีกที่จะทำให้รูปของเราออกมาน่าสนใจได้

ฉะนั้นการถ่ายภาพด้วยกฎสามส่วนไม่จำเป็นต้องวางวัตถุหรือสิ่งที่สำคัญไว้ที่จุดตัดทุกครั้ง เราอยากจะเอาวัตถุไว้ตรงกลาง เอาวัตถุไว้ด้านล่าง หรือไว้ตรงไหนก็ได้ตามใจเรา เพราะยังมีอีกหลายเทคนิคที่สามารถช่วยให้เราถ่ายรูปให้ออกมาได้อย่างที่ใจต้องการ

ตอนต้นเราได้บอกไปแล้วว่าขั้นแรกในการสร้างจุดตัด 4 จุดนั้นต้องแบ่งเฟรมออกเป็นเก้าช่องก่อน เส้นแบ่งพวกนี้เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อถ่ายภาพออกมาได้เช่นกัน โดยให้เราใช้กฎ 2:1 ภาพก็จะออกมาสมดุล เหมาะสม น่าสนใจอย่างน่าประหลาดเลย
การถ่ายภาพด้วยกฎสามส่วนแบบ 2:1 คืออะไร?
การถ่ายภาพด้วยเทคนิค 2:1 คือเทคนิคที่อยู่ในกฎสามส่วนและเป็นปรับใช้ได้ง่าย และเราไม่ต้องใช้จุดตัด เพียงแต่ใช้เส้นแบ่งตามที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเราถ่ายรูปแนวนอนให้เราใช้เส้นแนวนอน และถ้าถ่ายภาพแนวตั้งให้ใช้เส้นแนวตั้งแค่นั้นเลย

เส้นนี้จะแบ่งเฟรมของเราออกเป็นสามส่วน หลังจากนั้นให้เราถ่ายรูปโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2:1 และเวลาถ่ายรูปให้เราถ่ายพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง กินพื้นที่สองส่วนของภาพ เช่นถ่ายท้องฟ้าสองส่วนภูเขาหนึ่งส่วน หรือจะเป็นชายหาดสองส่วนท้องฟ้าหนึ่งส่วนก็ได้เช่นกัน


มาสรุปกฎสามส่วนกัน

กฎสามส่วนเริ่มจากการแบ่งเฟรมออกเป็น 9 ช่องเท่าๆ กัน โดยเราสามารถใช้เส้นแบ่งนี้ในการจัดองค์ประกอบของภาพในรูปแบบ 2:1 หรือจะใช้จุดตัดของเส้นแบ่งในการวางวัตถุเพื่อเพิ่มเสน่ห์ของภาพได้อีกด้วย

กฎสามส่วนนั้นเข้าใจง่ายและฝึกฝนได้ง่ายเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นกล้องระดับโปรหรือโทรศัพท์มือถือก็จะมีเส้นจุดตัด 9 ช่องมาให้เสมอ ถ้าฝึกจนชินและชำนาญ เราก็จะสามารถนำไปประยุกต์ในเทคนิคต่างๆ ได้มากมาย
#เทคนิคการถ่ายภาพ #การถ่ายภาพเบื้องต้น #ช่างกล้องมือใหม่ #ถ่ายภาพให้คมชัด #กล้องถ่ายภาพ #การถ่ายภาพ #กฎสามส่วน



The page on VBCASH88 is clear and informative, providing a concise snapshot that’s easy to understand. I combined that with the listings at VBCASH88 to see practical examples of their services.
While exploring resources today, VBCASH88 stood out for its clean layout and easy readability. Pairing it with VBCASH88 gave me a complete picture, covering both the overview and the tangible products.
I spent some time checking VBCASH88 and noticed the content is concise yet thorough. The product page at VBCASH88 complemented it well, giving more practical examples.
I found VBCASH88 to be very straightforward, which helped me quickly grasp the essentials. The shop section on VBCASH88 complemented it nicely by showing concrete items in an organized manner.
I read through the article thoroughly and then visited VBCASH88 for additional context. The examples and explanations there helped clarify some of the points I initially found tricky.